การกำหนด KPI – SMART Objectives หลักจำเป็นที่สุดในการกำหนด KPI | เราคงได้ยินกันมาหลายต่อหลายครั้งเรื่องการกำหนดเป้าหมายโดยใช้หลัก SMART ซึ่งหากสงสัยว่า หลัก SMART คืออะไร บทความนี้จะอธิบายโดยสรุปสั้นๆดังนี้
SMART Objectives ย่อมาจาก
S = Specific คือ การระบุสิ่งที่ต้องการว่าเราต้องการอะไร เช่น ต้องการมีรายได้เพิ่ม ต้องการมีสาขาเพิ่ม เป็นต้น
M = Measurable คือ สามารถวัดผลได้ โดยระบุอะไรก็ตามที่สามารถวัดผลได้ไม่ใช่อะไรที่เป็นนามธรรมหรือเป็นแค่แนวความคิดที่ไม่สามารถมีตัวเลขหรือเกณฑ์ที่จะนำมาวัดได้ว่าหากทำได้เท่านี้เท่ากับดีหรือได้เท่านี้เท่ากับไม่ดี
A = Attainable คือ จะต้องทำได้จริงไม่กำหนดเป้าหมายที่ไม่สามารถทำได้จริงหรือเป็นไปไม่ได้ เช่น ร้านขายชุดชั้นในผู้หญิงตั้งเป้าไว้ว่าต้องการให้ลูกค้าทั้งหมดที่ผ่านหน้าร้านซื้อสินค่าทุกคน ซึ่ง ในความเป็นจริงแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนทุกคนที่เดินผ่านร้านใดร้านหนึ่งแล้วต้องเข้าไปซื้อสินค้าที่ร้านนั้น
R = Relevant คือ การกำหนดเป้าหมายให้สัมพันธ์กัน เช่น หากองค์กรมีเป้าหมายต้องการเพิ่มยอดขาย 50% ในระดับแผนกหรือส่วนอื่นๆ ก็ต้องกำหนดเป้าหมายให้องค์กรสามารถเพิ่มยอดขายให้ได้ 50% เช่นกัน เช่น มีผลผลิตเพิ่มขึ้น10% หรือ มีสมาชิกเพิ่มขึ้น 300 คน เป็นต้น
T = Time-Limited คือ การกำหนดเวลา เพราะหากกำหนดเป้าหมายแล้วไม่กำหนดเวลาที่จะวัดผล เป้าหมายที่กำหนดก็จะไม่มีความหมาย เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาวัดและประเมินผลของการปฏิบัติงานนั้นๆ เช่น รายได้เพิ่มขึ้น 10% ต่อปี มีสาขาเพิ่มขึ้น 80 สาขาทั่วโลก เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าหลักการทั้ง 5 ขอ ใน SMART Objectives นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การกำหนดเป้าหมายสามารถนำไปใช้ได้จริง สามารถวัดผลและประเมินผลได้จริง และสามารถสงผลถึงองค์กรได้จริง ดังนั้น ในการกำหนดเป้าหมายของแต่ละภาคส่วนขององค์กรไม่ว่าจะเป็นระดับแผนกหรือตัวองค์กรเอง จะต้องคำนึงถึงหลัก “SMART Objectives” เป็นหลักสำคัญ และต้องรอบคอบมากๆเพราะหากเกิดการผิดพลาดก็จะสามารถส่งผลโดยตรงไปจนถึงระดับองค์กรได้เลยทีเดียว